Blog

ไขข้อสงสัย! การแยกผ้าสีและผ้าขาวออกจากกันก่อนซักมีข้อดีอย่างไร?

ไขข้อสงสัย! การแยกผ้าสีและผ้าขาวออกจากกันก่อนซักมีข้อดีอย่างไร?
  • การแยกซักผ้าสีผ้าขาวช่วยป้องกันการตกสีและรักษาความใหม่ของผ้า รวมทั้งยืดอายุการใช้งานและเพิ่มประสิทธิภาพในการซักผ้า ทำให้เสื้อผ้าของคุณคงคุณภาพดีในระยะยาว
  • การแยกผ้าตามสี ประเภทผ้า และระดับความสกปรกก่อนซัก ช่วยป้องกันความเสียหายและรักษาคุณภาพของเสื้อผ้า ทำให้การซักมีประสิทธิภาพและผ้าของคุณสะอาดอยู่เสมอ
  • การซักผ้าขาวอย่างถูกวิธีด้วยน้ำร้อนพอเหมาะ ผงซักฟอกสูตรพิเศษ และการตากแดดจะช่วยให้ผ้าขาวกลับมาสดใสและยาวนานขึ้น โดยการแยกผ้าขาวออกจากผ้าสีก็เป็นสิ่งสำคัญ
  • การดูแลผ้าสีให้สีสดและคงทนยาวนาน ควรกลับด้านเสื้อผ้า ใช้น้ำเย็น เลือกผงซักฟอกสูตรอ่อนโยน และแยกผ้าสีเข้มกับสีอ่อนเพื่อลดความเสี่ยงทำให้ผ้าสีซีด

เคยไหม? ตอนซักผ้าเสร็จเปิดเครื่องออกมาแล้วผ้าขาวกลายเป็นสีชมพูอ่อน หรือเสื้อสีสดๆ ซีดลงจนดูเก่าเหมือนใส่มาหลายปีทั้งที่เพิ่งซื้อมา หลายคนอาจมองข้ามการแยกผ้าว่าเป็นเรื่องจุกจิก ไม่จำเป็น แต่ความจริงแล้วการแยกผ้าสีและผ้าขาวก่อนซักมีข้อดีมากกว่าที่คิด ไม่ใช่แค่เรื่องความสะอาดแต่ยังช่วยยืดอายุผ้า ช่วยประหยัดเงินในระยะยาวได้อีกด้วย

บทความนี้จะพาไปไขข้อสงสัยว่าทำไมการแยกผ้าก่อนซักถึงสำคัญ พร้อมเคล็ดลับเล็กๆ ที่จะทำให้การซักผ้าของคุณง่ายขึ้นกว่าเดิม!

ความสำคัญของการแยกผ้าสีและผ้าขาวออกจากกันก่อนซัก

หากถามว่าผ้าขาวซักกับผ้าสีได้ไหม? คำตอบคือสามารถซักร่วมกันได้ แต่การแยกผ้าสีและผ้าขาวออกจากกันก่อนซักนั้นจะดีต่อเสื้อผ้ามากกว่า เนื่องจากมีผลทั้งในเรื่องของการรักษาความสะอาดของผ้า และการยืดอายุการใช้งานของเสื้อผ้า การแยกผ้าก่อนซักไม่ได้เป็นเพียงการป้องกันเสื้อผ้าสีตกใส่ผ้าขาว แต่ยังช่วยให้การซักมีประสิทธิภาพมากขึ้น และช่วยรักษาคุณภาพของผ้าในระยะยาวได้ด้วย

การแยกผ้าสีและผ้าขาวออกจากกันก่อนซักมีข้อดีอย่างไร?

การแยกผ้าสีและผ้าขาวออกจากกันก่อนซักมีข้อดีอย่างไร?

มาดูกันว่าการแยกผ้าสีและผ้าขาวออกจากกันก่อนซักมีข้อดีอย่างไร? โดยเฉพาะที่ช่วยรักษาคุณภาพและอายุการใช้งานของเสื้อผ้าอย่างยาวนาน และเพื่อคงความใหม่ของเสื้อผ้า ดังนี้

1. ป้องกันการตกสีของผ้าสีไปยังผ้าขาว

การแยกผ้าสีและผ้าขาวช่วยป้องกันไม่ให้สีจากผ้าสีหลุดออกมาและมาตกใส่ผ้าขาว ซึ่งอาจทำให้ผ้าขาวเกิดคราบสีหรือเปลี่ยนสีเป็นสีเทาหรือคล้ำได้ โดยเฉพาะผ้าสีเข้มที่มีสีเข้มข้น เช่น ผ้าสีดำหรือผ้าสีแดงที่อาจตกสีได้ง่ายในระหว่างการซัก การแยกผ้าทั้งสองประเภทนี้ออกจากกันจึงช่วยลดปัญหานี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

2. ช่วยรักษาความขาวของผ้า

ผ้าขาวมีความไวต่อการเปลี่ยนสีและมักจะดูดซับสีจากผ้าสีได้ง่าย การแยกผ้าขาวออกจากผ้าสีช่วยให้ผ้าขาวยังคงความขาวใส ไม่หมองหรือซีดจากการสัมผัสกับสีที่หลุดออกมาจากผ้าสี ทำให้ผ้าขาวดูใหม่และสีสดเสมอ แม้ว่าจะซักหลายครั้งแล้ว

3. ลดการเกิดคราบเหลือง

เมื่อผ้าขาวถูกซักรวมกับผ้าสี สีที่หลุดออกจากผ้าสีอาจซึมซาบเข้าสู่ผ้าขาว ทำให้ผ้าขาวเกิดคราบเหลืองหรือคราบสีอื่น การแยกผ้าออกจากกันช่วยลดโอกาสที่สีจากผ้าสีจะซึมซาบเข้าไปในผ้าขาว ซึ่งจะช่วยให้ผ้าขาวยังคงความสวยงามและดูสะอาดตา

4. รักษาความสดของสีผ้า

การแยกผ้าสีออกจากผ้าขาวช่วยให้สีของผ้าสียังคงสดและไม่หมองลงจากการซักรวมกับผ้าขาว สีของผ้าสีบางชนิดอาจจะซีดลงหากซักรวมกับผ้าขาวที่ใช้น้ำอุ่นหรือสารฟอกขาว ซึ่งจะทำให้สีหมองคล้ำได้ การแยกผ้าช่วยรักษาสีผ้าให้สดยาวนานขึ้น

5. ยืดอายุการใช้งานของเสื้อผ้า

เสื้อผ้าสีและเสื้อผ้าขาวต้องการการดูแลที่แตกต่างกัน ผ้าขาวอาจต้องซักด้วยน้ำอุ่นหรือสารฟอกขาวเพื่อให้ขาวใส ในขณะที่ผ้าสีควรซักด้วยน้ำเย็นเพื่อป้องกันสีตกหรือซีดลง การแยกผ้าช่วยลดการเสียดสีและการเสียหายจากการซักที่ไม่เหมาะสม ซึ่งจะช่วยยืดอายุการใช้งานของเสื้อผ้าแต่ละชิ้นได้

6. การซักมีประสิทธิภาพมากขึ้น

การแยกผ้าสีและผ้าขาวออกจากกันทำให้สามารถเลือกโปรแกรมการซักที่เหมาะสมกับประเภทของผ้าได้ เช่น ผ้าขาวอาจต้องการการซักในอุณหภูมิสูงและอาจใช้สารฟอกขาวเพื่อช่วยขจัดคราบและทำให้ขาวขึ้น ส่วนผ้าสีอาจต้องซักด้วยน้ำเย็นเพื่อลดความเสี่ยงในการตกสีและรักษาความสดของสี การเลือกโปรแกรมที่เหมาะสมทำให้การซักมีประสิทธิภาพมากขึ้น

7. ช่วยประหยัดเวลาและค่าใช้จ่าย

แยกผ้าก่อนซักอย่างมือโปร เพื่อถนอมเสื้อผ้าตัวโปรด

แยกผ้าก่อนซักอย่างมือโปร เพื่อถนอมเสื้อผ้าตัวโปรด

วิธีแยกผ้าซักไม่ใช่เรื่องยุ่งยากและไม่จำเป็นต้องแยกทุกชิ้นอย่างละเอียด เพียงแค่แยกตามประเภทของผ้าและความต้องการของแต่ละประเภทก็เพียงพอแล้ว การแยกผ้าก่อนซักจะช่วยให้ผ้าของคุณสะอาดและยืดอายุการใช้งานได้มากขึ้น ดังนี้

แยกตามสีของผ้า

หากสงสัยว่าแยกผ้าสียังไง? แยกผ้าขาวยังไง? เพราะเสื้อผ้าแต่ละชิ้นอาจมีเฉดสีมากมายที่แตกต่างกันออกไป จนทำให้สับสนได้ว่าควรแยกอย่างไรดี ซึ่งวิธีการแยกตามสีมีดังนี้

  • ผ้าขาว ผ้าขาวล้วนหรือผ้าที่มีสีอ่อน เช่น สีขาวหรือสีพาสเทลที่ไม่มีลายเข้ม ควรแยกออกมาเพื่อซักให้ขาวสะอาดและไม่โดนย้อมสีจากผ้าสี
  • ผ้าสี ผ้าสีสด เช่น สีแดง สีน้ำเงิน สีเขียว หรือสีที่ไม่เข้มจนเกินไป ควรแยกไปซักกับผ้าสี เพื่อป้องกันไม่ให้สีหลุดและไปย้อมผ้าขาวหรือผ้าสีอ่อน
  • ผ้าสีเข้ม ผ้าสีเข้ม เช่น สีดำ สีเทา สีน้ำตาลเข้ม หรือสีน้ำเงินกรม ควรแยกซักเฉพาะกับผ้าสีเข้ม เพราะสีเข้มสามารถปล่อยสีได้มาก การแยกจะช่วยป้องกันการย้อมผ้าขาวหรือผ้าสีที่มีสีอ่อน

 แยกตามประเภทผ้า

การแยกผ้าตามประเภทเป็นสิ่งสำคัญในการเลือกวิธีการซักที่เหมาะสมกับเนื้อผ้าแต่ละประเภท เพื่อให้ผ้าไม่เสียหายจากการใช้วิธีซักที่ไม่เหมาะสม

  • ผ้าหนา เช่น ผ้ายีน ผ้าขนหนู หรือผ้าหนาหลายชั้น ควรแยกออกมาซักต่างหาก เพราะผ้าหนาอาจใช้เวลาซักนานกว่าผ้าบาง และควรซักในอุณหภูมิที่เหมาะสมเพื่อลดการเสียหาย
  • ผ้าบาง เสื้อเชิ้ต ผ้าไหม หรือผ้าที่มีความบางเบา ควรแยกซักจากผ้าหนาเพื่อไม่ให้ผ้าบางถูกทำลายจากการซักที่รุนแรง และยังสามารถใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับผ้าบางได้ดีกว่า
  • ผ้าเนื้อพิเศษ เช่น ผ้าลูกไม้ ผ้าซาติน หรือผ้าที่มีเนื้อสัมผัสพิเศษ ควรแยกซักโดยเฉพาะและใช้วิธีซักที่อ่อนโยนหรือซักด้วยมือ การใส่ผ้าในถุงตาข่ายจะช่วยป้องกันไม่ให้ผ้าเกิดความเสียหายจากการซักในเครื่องอีกด้วย

 แยกตามระดับความสกปรก

การแยกผ้าตามระดับความสกปรกจะช่วยให้การซักมีประสิทธิภาพมากขึ้น และไม่ทำให้ผ้าหมดอายุการใช้งานเร็วเกินไป

  • ผ้าที่เปื้อนคราบหนัก เช่น ผ้าที่มีคราบโคลน เหงื่อ หรือคราบอาหาร ควรแยกซักต่างหากก่อนการซักทั่วไป โดยเฉพาะผ้าที่มีคราบหนัก ควรใช้วิธีซักที่แรงขึ้นหรือนำไปแช่ในน้ำสบู่หรือน้ำยาซักผ้าก่อนเพื่อให้คราบหลุดออกได้ง่ายขึ้น
  • ผ้าที่ใส่เพียงครั้งเดียวหรือไม่มีคราบ ผ้าที่ใส่เพียงครั้งเดียวหรือผ้าที่ไม่มีคราบ ควรแยกซักต่างหากจากผ้าที่มีความสกปรก เพื่อป้องกันการปนเปื้อนจากคราบหรือการติดเชื้อที่อาจเกิดจากผ้าที่สกปรก 

 แยกตามป้ายเสื้อผ้า

เสื้อผ้าแทบทุกชิ้นจะมี Care Label หรือป้ายแนะนำการดูแลติดอยู่ที่ข้างใน ซึ่งมักจะระบุถึงวิธีซัก อุณหภูมิที่เหมาะสม การรีด และการอบแห้ง รวมไปถึงคำแนะนำพิเศษอื่นๆ เพื่อช่วยยืดอายุการใช้งานของผ้าให้ยาวนานที่สุด

ตรวจสอบคำแนะนำจากป้าย 

ผ้าบางชนิดต้องซักในน้ำเย็นหรืออุณหภูมิที่ต่ำเพื่อป้องกันการหดตัวหรือสีตก ป้ายดูแลผ้าอาจแนะนำให้ใช้ผงซักฟอกที่อ่อนโยน หรือบางชนิดอาจแนะนำให้หลีกเลี่ยงการใช้สารฟอกขาว การอบแห้งผ้าบางชนิดอาจต้องอบแห้งในที่ร่มหรือตากแดด

ตรวจสอบสัญลักษณ์แนะนำจากป้าย 

  • สัญลักษณ์รูปมือลงในถังน้ำ หมายถึงผ้าบอบบาง ไม่เหมาะกับการซักในเครื่อง เพราะแรงปั่นอาจทำให้เสียรูปหรือฉีกขาด ควรนำมาซักมือแยกต่างหาก โดยเฉพาะผ้าไหม ผ้าลูกไม้ หรือผ้าที่มีดีเทลเยอะๆ เป็นต้น
  • สัญลักษณ์วงกลมในสี่เหลี่ยมมีกากบาท หมายถึงห้ามใช้เครื่องอบผ้าหรือโปรแกรมปั่นแห้ง เนื่องจากความร้อนและแรงปั่นอาจทำให้ผ้าหด เสียทรง หรือเนื้อผ้าเสียหายได้
เคล็ดลับซักผ้าขาวให้สว่างสดใสเหมือนใหม่

เคล็ดลับซักผ้าขาวให้สว่างสดใสเหมือนใหม่

ผ้าขาวต้องการการดูแลที่พิเศษเนื่องจากเป็นผ้าที่เปื้อนง่ายและเหลืองเร็ว ดังนั้น การซักผ้าขาวอย่างถูกต้องจึงเป็นสิ่งสำคัญเพื่อคงความขาวสะอาดของผ้าไว้

  • ใช้น้ำร้อนอย่างพอเหมาะ น้ำร้อนช่วยให้คราบหลุดออกง่ายขึ้น โดยเฉพาะคราบเหงื่อ หรือคราบฝังแน่น แต่อย่าใช้น้ำร้อนเกินไปกับผ้าที่ไม่ทนความร้อน เช่น ผ้าฝ้ายบางๆ หรือผ้าใยสังเคราะห์
  • ใช้ผงซักฟอกสูตรสำหรับผ้าขาว เลือกผงซักฟอกที่มีสารฟอกขาวอ่อนๆ หรือมีออกซิเจนเป็นส่วนผสม จะช่วยให้ผ้าขาวกลับมาสดใสและขจัดกลิ่นอับได้ดี
  • ซักผ้าขาวแยกจากผ้าสีทุกครั้ง แม้จะดูเหมือนผ้าสีจะไม่ตก แต่สีจากผ้าสามารถหลุดออกในระดับจางๆ และทำให้ผ้าขาวสีหม่นได้ จึงควรซักผ้าขาวแยกทุกครั้งเพื่อความปลอดภัย
  • ตากแดดช่วยฆ่าเชื้อและฟื้นฟูความขาว แสงแดดธรรมชาติมีรังสี UV ที่ช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรียและทำให้ผ้าขาวดูสว่างขึ้น การตากแดดจึงเป็นวิธีธรรมชาติที่ได้ผลดี
เคล็ดลับการซักผ้าสีให้สดใสและไม่ซีด

เคล็ดลับการซักผ้าสีให้สดใสและไม่ซีด

แม้ผ้าสีจะดูแลง่ายกว่าผ้าขาว แต่หากซักไม่ถูกวิธีสีของผ้าอาจซีดเร็วและเสื่อมสภาพได้เช่นกัน ดังนั้น การดูแลผ้าสีให้ดีจะช่วยให้สีสดใสและคงทนยาวนานมากขึ้น

  • กลับด้านเสื้อผ้าก่อนซัก การกลับด้านช่วยป้องกันการเสียดสีของเนื้อผ้ากับถังซัก ซึ่งเป็นหนึ่งในสาเหตุหลักที่ทำให้สีซีด
  • ใช้น้ำเย็นในการซัก น้ำเย็นช่วยรักษาสีของผ้าให้อยู่ได้นานกว่า และยังช่วยประหยัดพลังงานอีกด้วย
  • ใช้ผงซักฟอกสูตรอ่อนโยนสำหรับผ้าสี หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มีสารฟอกขาว เพราะจะทำให้สีซีดเร็ว เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ออกแบบมาสำหรับผ้าสีโดยเฉพาะ
  • แยกผ้าสีเข้ม-อ่อน แม้จะเป็นผ้าสีด้วยกัน แต่ผ้าสีเข้ม เช่น สีดำ สีน้ำเงิน สีแดง ควรแยกจากผ้าสีอ่อน เช่น สีชมพู สีฟ้า เพื่อป้องกันสีเข้มตกใส่ผ้าสีอ่อน

การดูแลผ้าขาวและผ้าสีอย่างถูกต้องจะช่วยยืดอายุการใช้งานของเสื้อผ้าและคงคุณภาพของผ้าให้ดีอยู่เสมอ เพียงแค่ทำตามเคล็ดลับง่ายๆ เหล่านี้สามารถรักษาผ้าของให้สะอาด สดใส และใช้งานได้ยาวนาน

cta2

สรุป

สรุปแล้วการแยกผ้าสีและผ้าขาวออกจากกันก่อนซักมีข้อดีอย่างไร? การแยกซักผ้าสีผ้าขาวก่อนซักช่วยป้องกันการตกสีและรักษาความสะอาดของผ้า ช่วยป้องกันคราบสีที่อาจเกิดขึ้นจากการซักรวมกัน การเลือกโปรแกรมการซักที่เหมาะสมกับประเภทของผ้าก็จะทำให้การซักมีประสิทธิภาพมากขึ้นและยืดอายุการใช้งานของเสื้อผ้า การแยกผ้าจะช่วยลดความเสี่ยงจากการเสียหายของเสื้อผ้าและช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาว นอกจากนี้ การแยกผ้าให้เหมาะสมตามสี ประเภทผ้า และระดับความสกปรกยังช่วยให้การซักเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดและทำให้ผ้าคงความใหม่อยู่เสมอ
หากคุณกำลังมองหาการลงทุนในธุรกิจซักรีดที่มีแนวโน้มเติบโตเร็ว มีกลุ่มลูกค้าหลักที่มีไลฟ์สไตล์เร่งรีบและต้องการบริการที่สะดวกสบายและมีคุณภาพ มาลงทุนซื้อเครื่องซักผ้าหรือเครื่องอบผ้าได้ที่ Straits Laundry ถือว่าตอบโจทย์ความต้องการในการลงทุน ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยและคุณภาพสูง