Blog

วิธีการล้างเครื่องซักผ้าให้สะอาดอย่างถูกวิธี หมดห่วงเรื่องกลิ่นเหม็นอับ

วิธี ล้าง เครื่อง ซัก ผ้า
  • ควรล้างเครื่องซักผ้าทุกๆ 1-3 เดือน หรือหลังการซักผ้าหนัก เช่น พรม หรือผ้าที่เปื้อนมากๆ เพื่อขจัดคราบสกปรกและเชื้อโรคที่สะสมในเครื่อง
  • วิธีล้างด้านนอกเครื่องซักผ้า คือเคลียร์คราบที่ซีลประตู ล้างช่องใส่ผงซักฟอก ทำความสะอาดตัวกรองปั๊มหรือไส้กรอง และถอดถังออกมาล้างให้สะอาด
  • วิธีล้างด้านในเครื่องซักผ้า เช่น การใช้น้ำยาทำความสะอาดถังซักหรือผงซักฟอก ล้างด้วยน้ำร้อนในโหมดทำความสะอาดถัง หรือใช้สารธรรมชาติ เช่น น้ำส้มสายชูหรือเบกกิ้งโซดา ในการขจัดคราบและกลิ่นอับ
  • การล้างเครื่องซักผ้าช่วยขจัดคราบสกปรกและแบคทีเรีย ยืดอายุการใช้งานของเครื่อง ป้องกันกลิ่นอับ และทำให้ผ้าที่ซักเสร็จสะอาดหอมสดชื่น

การดูแลและทำความสะอาดเครื่องซักผ้าเป็นสิ่งสำคัญ เพราะไม่เพียงช่วยยืดอายุการใช้งานของเครื่อง แต่ยังช่วยลดกลิ่นอับที่อาจเกิดจากการสะสมของสิ่งสกปรกและเชื้อราในเครื่องได้ โดยวิธีล้างเครื่องซักผ้าสามารถทำได้ทั้งในเครื่องซักผ้าฝาหน้าและฝาบน การทำความสะอาดเครื่องเป็นประจำจะช่วยให้เครื่องทำงานได้ดีขึ้น และเสื้อผ้าที่ซักออกมาจะสะอาดและหอมสดชื่นมากขึ้น

ล้างเครื่องซักผ้าตอนไหนดี?

วิธีสังเกตว่าเครื่องซักผ้าควรล้างเมื่อไรดีนั้นสามารถเช็กดูได้จากสัญญาณต่างๆ ที่บ่งบอกถึงความสกปรกหรือการสะสมของสิ่งสกปรกในเครื่อง เช่น

  • เครื่องมีกลิ่นเหม็นอับ หลังจากซักเสร็จ
  • เสื้อผ้ามีกลิ่นเหม็นหรือไม่สะอาด แม้จะซักเสร็จแล้ว
  • ทุกๆ 1-3 เดือน เพื่อช่วยขจัดสิ่งสกปรก ตะกอน และเชื้อราที่อาจสะสมอยู่ในถังซักด้านใน
  • หากใช้เครื่องซักผ้าบ่อยหรือใช้งานหนัก ควรล้างเครื่องบ่อยขึ้น เช่น ทุกๆ 1-2 เดือน
  • พบเศษสกปรกติดมากับเสื้อผ้า
  • สวมใส่เสื้อผ้าที่ซักแล้วเกิดอาการคัน
  • หลังการซักผ้าหนัก เช่น พรมหรือผ้าที่มีคราบสกปรกมาก ควรล้างเครื่องซักผ้าเพื่อลดการตกค้างของคราบในเครื่อง

วิธีล้างด้านนอกของเครื่องซักผ้าให้ดูใหม่เอี่ยม

เริ่มต้นการล้างเครื่องซักผ้าจากการล้างด้านนอกและส่วนประกอบต่างๆ ก่อน เพื่อให้เครื่องสะอาดจากภายนอกและลดการสะสมของฝุ่นและสิ่งสกปรกที่อาจส่งผลต่อการทำงานของเครื่อง โดยมีวิธีดังนี้ 

เคลียร์คราบสกปรกที่ซีลประตูให้หมดจด

เคลียร์คราบสกปรกที่ซีลประตูให้หมดจด

คราบสกปรกมักฝังอยู่ที่บริเวณซีลประตูในเครื่องซักผ้า ซึ่งมักเป็นคราบสีน้ำตาลที่เกิดจากการสะสมของคราบมัน ความสกปรกจากเสื้อผ้า น้ำยาปรับผ้านุ่ม หรือการปิดฝาถังขณะที่ยังมีน้ำเหลืออยู่ 

วิธีล้างเครื่องซักผ้าบริเวณนี้คือ ใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดคราบออกหรือใช้แปรงขัดคราบสกปรกให้สะอาด ควรหลีกเลี่ยงการใช้น้ำยาที่มีฤทธิ์แรง เพราะอาจทำให้ซีลยางประตูเสียหายได้

จัดการช่องใส่ผงซักฟอกและน้ำยาปรับผ้านุ่มให้สะอาด

ช่องใส่ผงซักฟอกและน้ำยาปรับผ้านุ่มเป็นแหล่งสะสมของสิ่งสกปรกที่อาจทำให้เกิดเชื้อราได้ หากปล่อยไว้นานเกินไป ก่อนทำความสะอาดเครื่องซักผ้า ควรใช้แปรงสีฟันขัดบริเวณที่มีคราบสกปรกให้สะอาด จากนั้นเช็ดให้แห้งดีแล้วค่อยนำกลับไปใส่ในตัวเครื่อง เพื่อป้องกันการสะสมของคราบและเชื้อราในช่องใส่ผงซักฟอก

ทำความสะอาดตัวกรองปั๊มหรือไส้กรองให้ไร้สิ่งสกปรก

ทำความสะอาดตัวกรองปั๊มหรือไส้กรองให้ไร้สิ่งสกปรก

สำหรับวิธีล้างเครื่องซักผ้าฝาหน้า สามารถดึงตัวกรองปั๊มที่อยู่ด้านล่างซ้ายมือออกมาทำความสะอาดได้ โดยการเปิดฝาครอบและค่อยๆ ดึงตัวกรองออกมาเช็ดทำความสะอาด ส่วนวิธีล้างเครื่องซักผ้าฝาบน ให้ถอดไส้กรองที่อยู่บริเวณจุดกึ่งกลางของถังเครื่องซักผ้ามาทำความสะอาด โดยเปิดตัวล็อกของไส้กรองก่อน แล้วจึงดึงออกมาเช็ดคราบสกปรกให้สะอาด หลังจากทำความสะอาดเสร็จแล้ว ให้ใส่ไส้กรองกลับที่เดิมอย่างระมัดระวัง

วิธีล้างตัวถังเครื่องซักผ้าให้สะอาดไร้กลิ่นเหม็น

วิธีล้างเครื่องซักผ้าโดยการถอดถังออกมาทำความสะอาดนั้นค่อนข้างยุ่งยากและต้องใช้ความชำนาญ เพราะถ้าทำไม่ถูกวิธีก็อาจทำให้เครื่องเสียหายได้ เพราะต้องมีทักษะในการจัดการกับชิ้นส่วนต่างๆ ดังนั้นถ้าต้องทำขั้นตอนนี้ ควรให้ช่างที่มีประสบการณ์มาช่วยทำเพื่อป้องกันความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับเครื่องซักผ้า

รวม 11 วิธีล้างด้านในเครื่องซักผ้าฝาหน้าและฝาบน

วิธีล้างเครื่องซักผ้าฝาหน้าและฝาบนได้ง่ายๆ ด้วยตัวเอง โดยการดูแลรักษาส่วนต่างๆ ของเครื่องที่มีความเสี่ยงต่อการสะสมสิ่งสกปรกและเชื้อรา เช่น

1. วิธีล้างถังซักผ้าด้วยน้ำยาหรือผงล้าง

ผลิตภัณฑ์สำหรับล้างถังซักผ้ามีให้เลือกใช้หลักๆ 3 รูปแบบ ได้แก่ แบบเม็ดฟู่ แบบผง และชนิดน้ำ โดยปริมาณที่ใช้จะขึ้นอยู่กับขนาดความจุของถังซัก เช่น เครื่องซักผ้าขนาดไม่เกิน 7 กิโลกรัม ควรใช้ก้อนฟู่ 2-3 ก้อน แบบผงประมาณ 1 ซอง (100-200 กรัม) และชนิดน้ำควรใส่ประมาณ 2 ฝาหรือ 100 มิลลิลิตร ควรปรับปริมาณผลิตภัณฑ์ให้เหมาะสมกับขนาดถังซักเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

วิธีใช้น้ำยาหรือผงล้างเครื่องซักผ้า หากเครื่องมีโปรแกรมล้างถังซัก ให้เลือกโปรแกรมนั้นเลย แต่ถ้าไม่มีโปรแกรมนี้ ให้เลือกโปรแกรมซักแบบปกติ โดยตั้งระดับน้ำสูงสุด แล้วเปิดเครื่องให้ทำงานประมาณ 10 นาที จากนั้นปล่อยให้แช่ทิ้งไว้อีกประมาณ 6 ชั่วโมง หากพบเศษผงหรือตะกอนลอยขึ้นมาควรตักออก หลังจากนั้นให้เลือกโปรแกรมซักแบบปกติอีกครั้ง เพื่อล้างคราบสกปรกจนกว่าถังซักจะสะอาด

เคล็ดลับวิธีล้างถังเครื่องซักผ้าด้วยผงซักฟอก

2. เคล็ดลับวิธีล้างถังเครื่องซักผ้าด้วยผงซักฟอก

ผงซักฟอกเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกสำหรับวิธีล้างเครื่องซักผ้า ซึ่งสามารถช่วยขจัดคราบสกปรก คราบไขมัน เชื้อแบคทีเรีย และกลิ่นอับได้ แต่ประสิทธิภาพในการทำความสะอาดอาจไม่ดีเท่าการใช้น้ำยาทำความสะอาดเครื่องซักผ้าที่ออกแบบมาโดยเฉพาะ

วิธีใช้ผงซักฟอกล้างถังเครื่องซักผ้า

  1. เทผงซักฟอก 1 ถ้วยตวงลงในช่องใส่ผงซักฟอก
  2. เลือกโปรแกรมซักแบบปกติ และตั้งระดับน้ำให้สูงพอสมควรเพื่อให้ทำความสะอาดได้ทั่วถึง
  3. ปล่อยให้เครื่องทำงานจนเสร็จ

3. วิธีใช้น้ำยาฟอกขาวล้างเครื่องซักผ้า

น้ำยาฟอกขาวหรือบลีช (Bleach) คือสารเคมีที่มีโซเดียมไฮโปคลอไรต์ (Sodium Hypochlorite) เป็นส่วนผสมหลัก ช่วยฆ่าเชื้อโรค ขจัดคราบสกปรก และทำให้ผ้าขาวสะอาด แต่มีฤทธิ์กัดกร่อนสูง ควรใช้อย่างระมัดระวัง มี 2 ประเภทหลัก คือชนิดคลอรีน (Chlorine Bleach) เหมาะสำหรับฆ่าเชื้อและขจัดคราบบนพื้นผิวทนทาน เช่น กระเบื้อง และชนิดออกซิเจน (Oxygen Bleach) เหมาะสำหรับขจัดคราบบนผ้าโดยไม่ทำลายเนื้อผ้า

วิธีใช้น้ำยาฟอกขาวล้างเครื่องซักผ้า

  1. ตรวจสอบคู่มือการใช้งานเครื่องซักผ้าว่าสามารถใช้น้ำยาฟอกขาวได้หรือไม่
  2. เทน้ำยาฟอกขาว 1-2 ถ้วยตวงลงในถังซัก
  3. เลือกโปรแกรมซักที่มีอุณหภูมิสูงสุด (ประมาณ 60-90 องศาเซลเซียส)
  4. ปล่อยให้เครื่องทำงานจนเสร็จ (ประมาณ 1 ชั่วโมง)
  5. ล้างถังซักด้วยน้ำเปล่าอีกครั้งเพื่อขจัดคราบน้ำยาฟอกขาวออกให้หมด

4. ทำความสะอาดเครื่องซักผ้าด้วยน้ำส้มสายชู

น้ำส้มสายชูเป็นเครื่องปรุงรสที่มีกรดอะซิติก (Acetic Acid) ประมาณ 5-7% และค่า pH ประมาณ 2.4 ซึ่งทำให้มันเป็นกรดอ่อนที่ช่วยละลายคราบสกปรกต่างๆ เช่น คราบตะกรัน คราบอาหาร ไขมัน และน้ำมัน นอกจากนี้ยังมีคุณสมบัติในการฆ่าเชื้อแบคทีเรีย เชื้อรา และไวรัสบางชนิด โดยช่วยทำให้คราบสลายตัวและหลุดออกจากพื้นผิวได้

วิธีใช้น้ำส้มสายชูล้างถังซักผ้า

  1. เทน้ำส้มสายชู 2 ถ้วยตวงลงในช่องใส่ผงซักฟอก
  2. เลือกโปรแกรมซักที่มีอุณหภูมิสูงสุด โดยใช้ระยะเวลาประมาณ 1-2 ชั่วโมง
  3. ปล่อยให้เครื่องทำงานจนเสร็จ
  4. น้ำส้มสายชูจะช่วยขจัดคราบสกปรก ตะกอน และแบคทีเรีย
  5. กลิ่นเปรี้ยวของน้ำส้มสายชูจะหายไปหลังการซักเสร็จ

5. วิธีใช้เบกกิ้งโซดาล้างคราบให้ถังเครื่องซักผ้า

เบกกิ้งโซดา (Sodium Bicarbonate) เป็นสารละลายด่างอ่อนๆ ที่สามารถทำปฏิกิริยากับกรดในคราบสกปรก เช่น ตะกรันหรือแคลเซียมคาร์บอเนตในเครื่องซักผ้า โดยทำให้คราบสลายตัวและหลุดออก นอกจากนี้ยังช่วยกำจัดแบคทีเรียและกลิ่นอับในเครื่องซักผ้าได้

วิธีใช้น้ำเบกกิ้งโซดาล้างเครื่องซักผ้า

  1. เทเบกกิ้งโซดา 1 ถ้วยตวงลงในถังซัก
  2. เติมน้ำให้พอเหมาะแล้วเปิดเครื่องให้ทำงานจนเบกกิ้งโซดาละลาย
  3. ถอดปลั๊กเครื่องแล้วทิ้งไว้หนึ่งคืนเพื่อให้เบกกิ้งโซดาทำปฏิกิริยากับสิ่งสกปรก
  4. ในเช้าวันถัดไป กดปล่อยน้ำทิ้ง แล้วเลือกโปรแกรมซักอีกครั้งเพื่อล้างสารตกค้างออก โดยไม่ต้องใส่ผ้า
น้ำส้มสายชูผสมเบกกิ้งโซดาล้างเครื่องซักผ้า

6. นำน้ำส้มสายชูผสมเบกกิ้งโซดาล้างเครื่องซักผ้า

วิธีล้างเครื่องซักผ้าด้วยน้ำส้มสายชูและเบกกิ้งโซดาคือการผสมสารทำความสะอาดธรรมชาติที่มีคุณสมบัติเด่น เมื่อผสมน้ำส้มสายชูกับเบกกิ้งโซดา จะเกิดปฏิกิริยาเคมีระหว่างกรดในน้ำส้มสายชูและเบกกิ้งโซดา ทำให้เกิดฟองและก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ฟองเหล่านี้จะช่วยขจัดคราบสกปรก ตะกรัน กลิ่นอับ และฆ่าเชื้อแบคทีเรีย

วิธีผสมน้ำส้มสายชูกับเบกกิ้งโซดาล้างถังเครื่องซักผ้า

  1. ละลายเบกกิ้งโซดา 3 ช้อนโต๊ะในน้ำเปล่า 1-2 ช้อนชา
  2. เมื่อเบกกิ้งโซดาละลายเข้ากันดีแล้ว ให้เทลงในช่องผงซักฟอก ตามด้วยน้ำส้มสายชู 250 มิลลิลิตร
  3. เลือกโปรแกรมล้างถังซักผ้า
  4. เมื่อเครื่องทำงานเสร็จแล้ว ให้กดโปรแกรมล้างถังด้วยน้ำเปล่าอีกหนึ่งรอบ

7. วิธีล้างเครื่องซักผ้าแบบง่ายๆ ด้วยแอมโมเนีย

แอมโมเนียเป็นสารเคมีที่มีฤทธิ์เป็นด่าง (Alkaline) ซึ่งมีคุณสมบัติในการขจัดคราบสกปรก ไขมัน ตะกรัน และช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรียได้อย่างมีประสิทธิภาพ

วิธีใช้น้ำแอมโมเนียล้างเครื่องซักผ้า

  1. เทแอมโมเนีย 1-2 ถ้วยตวงลงในช่องใส่ผงซักฟอก
  2. เลือกโปรแกรมซักตามปกติ ใช้เวลาประมาณ 1-2 ชั่วโมง
  3. ปล่อยให้เครื่องทำงานจนเสร็จ แล้วแช่ไว้ประมาณ 30 นาที
  4. ล้างถังซักด้วยน้ำเปล่าอีกครั้งเพื่อขจัดสารตกค้าง

8. วิธีล้างถังเครื่องซักผ้าให้สะอาดขีดสุดด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ

น้ำยาฆ่าเชื้อเป็นผลิตภัณฑ์ที่หลายคนคุ้นเคยและใช้กันอยู่แล้ว โดยมีจุดประสงค์หลักในการฆ่าเชื้อแบคทีเรียและไวรัสที่ก่อโรคต่างๆ อย่างไรก็ตามสำหรับการกำจัดคราบตะกอนหรือตะกรัน การใช้น้ำยาฆ่าเชื้ออาจต้องผสมน้ำส้มสายชูเพื่อให้ได้ผลดีที่สุด

วิธีใช้น้ำยาฆ่าเชื้อล้างถังซักผ้า

  1. เทน้ำยาฆ่าเชื้อตามปริมาณที่ระบุบนฉลากลงในช่องใส่ผงซักฟอก
  2. เลือกโปรแกรมซักปกติ ใช้เวลาประมาณ 1-2 ชั่วโมง
  3. เมื่อเครื่องทำงานเสร็จ ให้แช่ไว้ประมาณ 30 นาที
  4. ล้างถังซักด้วยน้ำเปล่าอีกครั้งเพื่อขจัดสารตกค้าง
ดีเกลือฝรั่งกับการล้างเครื่องซักผ้า

9. ดีเกลือฝรั่งกับการล้างเครื่องซักผ้า

ดีเกลือฝรั่งหรือเกลือ Epsom (Epsom Salt) คือเกลือซัลเฟตของแมกนีเซียม (Magnesium Sulfate) ที่มีลักษณะเป็นผลึกสีขาว ละลายน้ำได้ง่าย มีคุณสมบัติในการขจัดคราบสกปรก ตะกรัน ฝังแน่น สนิม และฆ่าเชื้อแบคทีเรีย โดยไม่ทำร้ายพื้นผิว และยังช่วยดูดซับกลิ่นได้ดี

วิธีใช้ดีเกลือฝรั่งล้างเครื่องซักผ้า

  1. เทดีเกลือฝรั่ง 1 ถ้วย และน้ำส้มสายชู 1 ลิตรลงในถังซัก
  2. กดโปรแกรมซักและให้เครื่องทำงานจนเสร็จ
  3. แช่สารไว้ในถังซักประมาณ 30 นาที
  4. ปล่อยให้น้ำไหลออก
  5. ล้างถังซักด้วยน้ำเปล่า

10. วิธีล้างคราบในเครื่องซักผ้าด้วยกรดมะนาวและผงวิตามินซี

กรดมะนาว (Citric Acid) เป็นสารที่ช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรียและไวรัสหลายชนิด และยังสามารถขจัดคราบและกลิ่นได้ดี นอกจากนี้ยังมีการใช้ในผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดอื่นๆ เช่น เจลล้างมือและกระดาษทิชชู่ กรดมะนาวถือเป็นทางเลือกที่ดีกว่าในการใช้สารฟอกขาวและคลอรีนในผงซักฟอกและน้ำยาล้างจานอีกด้วย

วิธีใช้กรดมะนาวและผงวิตามินซีล้างถังซักผ้า

  1. ต้มน้ำให้เดือดแล้วปิดแก๊ส
  2. ใส่กรดมะนาว 1 ถ้วย (200 กรัม) และผงวิตามินซี 1 ถ้วย (100 กรัม) ลงในน้ำ รอให้ละลาย
  3. เทส่วนผสมลงในถังซัก
  4. ตั้งโปรแกรมซักปกติ
  5. หลังจากซักเสร็จ ให้แช่ทิ้งไว้อีก 30 นาที
  6. ปล่อยให้น้ำไหลออก
  7. ล้างถังซักอีกครั้งด้วยน้ำเปล่า

11. วิธีใช้งานโหมดล้างถังซักผ้าให้สะอาดเกินต้าน

เครื่องซักผ้ารุ่นใหม่หลายรุ่นมีโหมดทำความสะอาดถังซัก ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถล้างถังซักได้ง่ายๆ ด้วยการกดปุ่มเดียว ซึ่งสามารถขจัดคราบสกปรก ตะกอน และแบคทีเรียได้ดีทั้งในเครื่องซักผ้าฝาหน้าและฝาบน

วิธีใช้งานโหมดทำความสะอาดถังซักผ้า

  1. ตรวจสอบคู่มือการใช้งานเครื่องซักผ้าของคุณเพื่อดูวิธีการใช้โหมดทำความสะอาดถังซักผ้า
  2. นำเสื้อผ้าทั้งหมดออกจากถังซัก และเติมสารทำความสะอาดถังซักหรือ น้ำยาล้างถังซักผ้า ลงในช่องใส่ผงซักฟอก
  3. ปิดฝาเครื่องซักผ้า
  4. เลือกโหมดทำความสะอาดถังซักผ้า
  5. กดปุ่มเริ่มต้นการทำงาน
  6. เครื่องซักผ้าจะทำงานโดยอัตโนมัติ ใช้เวลาประมาณ 1-2 ชั่วโมง
รู้หรือยังว่าล้างเครื่องซักผ้ามีข้อดีอย่างไร?

รู้หรือยังว่าล้างเครื่องซักผ้ามีข้อดีอย่างไร?

ข้อดีมากมายที่ช่วยให้เครื่องซักผ้าทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและยืดอายุการใช้งานได้ยาวนานขึ้น ได้แก่

  • ช่วยหยุดเชื้อร้าย ป้องกันไม่ให้มีแบคทีเรียสะสม ผู้เชี่ยวชาญมีเครื่องมือและอุปกรณ์ที่ช่วยทำความสะอาดได้อย่างล้ำลึกถึงทุกซอกทุกมุม ซึ่งการล้างด้วยตัวเองอาจไม่สามารถเข้าถึงได้อย่างทั่วถึง
  • บอกลาคราบและกลิ่น วิธีล้างเครื่องซักผ้าที่ถูกวิธีจะช่วยกำจัดคราบและกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้
  • ยืดอายุเครื่องซักผ้าให้ใช้งานได้ทน การล้างเครื่องซักผ้าแบบถูกวิธีเป็นประจำจะช่วยขจัดคราบสกปรก ตะกอน และแบคทีเรียที่สะสมในถังซัก ทำให้เครื่องทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นและช่วยยืดอายุการใช้งานให้ยาวนานขึ้น
  • ประหยัดน้ำ ประหยัดไฟ หากล้างเครื่องซักผ้าเป็นประจำ จะลดการสะสมของคราบและตะกอนที่อาจทำให้เครื่องทำงานหนักขึ้น ซึ่งช่วยประหยัดน้ำและไฟฟ้าในการซักผ้าได้ดีขึ้น
  • ซักผ้าแล้วหอมฟุ้ง การล้างเครื่องซักผ้าช่วยขจัดคราบสกปรกและแบคทีเรียในถังซัก ทำให้กลิ่นอับหายไป และช่วยให้ผ้าที่ซักเสร็จมีความหอมสดชื่นมากขึ้น
cta

สรุป

วิธีล้างเครื่องซักผ้าให้สะอาดง่ายๆ เริ่มจากการทำความสะอาดด้านนอกและทำความสะอาดถังซักภายใน โดยใส่ใจในการทำความสะอาดส่วนประกอบต่างๆ ที่สำคัญของเครื่องซักผ้า เพื่อให้เครื่องสะอาดและซักผ้าออกมาหอมสดชื่น และสามารถเลือกวิธีที่สะดวกตามความต้องการได้ 

Straits Laundry มีเครื่องซักผ้าสำหรับธุรกิจร้านสะดวกซัก พร้อมเคล็ดลับการล้างเครื่องซักผ้าที่สามารถนำไปใช้ได้จริงในร้าน เพื่อให้เครื่องสะอาดเหมือนใหม่ และดึงดูดลูกค้ามาใช้บริการ

FAQ: วิธีล้างเครื่องซักผ้าให้สะอาด

หากคุณพบว่าเสื้อผ้ามีกลิ่นอับหลังซัก หรือเครื่องซักผ้ามีคราบสกปรกสะสม อาจถึงเวลาที่ต้องทำความสะอาดเครื่องซักผ้าแล้ว! นี่คือคำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการล้างเครื่องซักผ้าอย่างถูกวิธี เพื่อให้ซักสะอาดไร้กลิ่นเหม็นอับ

1. ควรล้างเครื่องซักผ้าบ่อยแค่ไหน?

ควรล้างเครื่องซักผ้าอย่างน้อย เดือนละ 1 ครั้ง หากใช้งานบ่อย หรือซักผ้าหนักบ่อยๆ ควรทำความสะอาดทุก 2 สัปดาห์

2. วิธีล้างช่องใส่น้ำยาซักผ้าและน้ำยาปรับผ้านุ่มทำอย่างไร?

ตอบ: ถอดออกมาแช่น้ำร้อนผสมน้ำส้มสายชู 30 นาที แล้วใช้แปรงขัดคราบตกค้างก่อนนำไปล้างน้ำสะอาด

3. ทำอย่างไรให้เครื่องซักผ้าไม่มีกลิ่นเหม็นอับ?

✅ เปิดฝาเครื่องซักผ้าทิ้งไว้หลังซักเสร็จเพื่อให้อากาศถ่ายเท
✅ ไม่ทิ้งผ้าเปียกไว้ในเครื่องนานเกินไป
✅ ใช้น้ำร้อนซักเครื่องเปล่าพร้อมน้ำส้มสายชูเดือนละครั้ง
✅ เช็ดถังซักและขอบยางให้แห้งหลังใช้งาน

เพียงทำตามขั้นตอนง่ายๆ นี้ เครื่องซักผ้าของคุณจะสะอาดหมดจด และเสื้อผ้าจะไร้กลิ่นอับทุกครั้งที่ซัก! 🧼✨