|
หลายคนไม่มีเวลาซักผ้าหรือไม่อยากเสียเวลาเดินทางไปซักเอง ค้นหา “บริการร้านซักรีดรับ-ส่ง ใกล้ฉัน” เลยเพื่อเป็นตัวช่วยที่สะดวกและตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนยุคใหม่ ช่วยประหยัดเวลาและทำให้การซักผ้าเป็นเรื่องง่ายขึ้น บริการรับซักและรีดผ้า ที่ทำให้มั่นใจในความสะอาดและความหอม ผ้าทุกชิ้นผ่านการดูแลอย่างดี ทั้งซักสะอาด รีดเรียบ พร้อมใส่ทันที ดูแลครบจบในที่เดียวพร้อมส่งถึงบ้าน!

บริการรับ-ส่งผ้าไปซัก คืออะไร?
บริการซักรีดผ้าเป็นธุรกิจที่ให้บริการทำความสะอาดเสื้อผ้า ตั้งแต่การซัก อบ และรีดให้เรียบร้อย พร้อมสวมใส่ เหมาะสำหรับคนที่ไม่มีเวลาซักเองหรืออยากได้เสื้อผ้าที่สะอาดและเรียบร้อยพร้อมใส่โดยไม่ต้องลงมือทำเอง กลุ่มผู้ใช้บริการซักอบรีดส่วนใหญ่มักเป็นคนทำงาน นักศึกษา โรงแรม ร้านอาหาร หรือธุรกิจอื่นๆ ที่ต้องการให้ชุดพนักงานสะอาดอยู่เสมอ

ทำไมบริการรับ-ส่งผ้าไปซัก ถึงเป็นทางเลือกที่ใช่
ธุรกิจรับซักผ้า รีดผ้าเป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่ต้องการเริ่มต้นอาชีพหรือมองหาธุรกิจที่สามารถทำได้ที่บ้าน โดยมีข้อดีที่น่าสนใจ ดังนี้
- ธุรกิจที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนเมืองที่มีความเร่งรีบ ไม่มีเวลาซักผ้าเอง
- เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการทำงานที่บ้าน หรือไม่ต้องการเดินทางออกไปทำงาน
- ใช้เงินลงทุนไม่สูง ขึ้นอยู่กับขนาดของธุรกิจที่ต้องการ
- มีโอกาสคืนทุนเร็วภายใน 3 เดือนถึง 2 ปี ขึ้นอยู่กับขนาดธุรกิจและทำเลที่ตั้ง
- สามารถขยายบริการเพิ่มเติมได้ เช่น ซักกระเป๋า ตุ๊กตา ผ้าม่าน พรม ผ้าห่ม ผ้านวม เป็นต้น

ทำความรู้จักประเภทของบริการซักผ้า
บริการซักผ้าสามารถแบ่งออกเป็น 2 รูปแบบหลักๆ ตามความสะดวกของลูกค้าและลักษณะการให้บริการของร้าน ได้แก่
1. บริการซัก อบ รีด
บริการซัก อบ รีด เป็นบริการซักผ้าด้วยน้ำที่เหมาะสำหรับเสื้อผ้าที่ทำจากผ้าฝ้าย ผ้าเทโทร หรือผ้าอองฟองส์ เป็นต้น ซึ่งเป็นเนื้อผ้าที่ไม่ต้องการการดูแลเป็นพิเศษในการซัก สามารถซัก อบ และรีดได้ตามปกติ
2. บริการซักแห้ง
บริการซักแห้งเป็นบริการซักผ้าด้วยน้ำยาซักแห้ง เหมาะสำหรับเสื้อผ้าที่ทำจากเนื้อผ้าบอบบาง เช่น ผ้าไหม ผ้าลินิน ผ้าแก้ว ผ้าชีฟอง และผ้าลูกไม้ เป็นต้น เนื่องจากผ้าเหล่านี้ต้องการการดูแลเป็นพิเศษ ทั้งในขั้นตอนการซักและการรีดเพื่อรักษาสภาพผ้าให้คงทนและดูดีอยู่เสมอ

เครื่องมือหรืออุปกรณ์ที่ใช้ในการรับซักผ้า รีดผ้า
สามารถเลือกใช้อุปกรณ์และเครื่องมือให้เหมาะสมกับบริการซักรีดแต่ละประเภทได้ ดังนี้
เครื่องซักผ้า ช่วยให้ซักสะดวก
เครื่องซักผ้ามี 2 ประเภท ได้แก่ เครื่องซักผ้าแบบฝาบนและเครื่องซักผ้าแบบฝาหน้า โดยสามารถเลือกใช้สำหรับบริการซักผ้าได้ตามความเหมาะสม เช่น
- เครื่องซักผ้าขนาด 8 กิโลกรัม เหมาะสำหรับผ้าเนื้อบาง เช่น เสื้อเชิ้ต เสื้อยืด
- เครื่องซักผ้าขนาด 16 กิโลกรัม เหมาะสำหรับผ้าเนื้อหนา เช่น ผ้าห่ม ผ้านวม กางเกงยีนส์
- เครื่องซักผ้าอุตสาหกรรมขนาด 6.8 กิโลกรัม เหมาะสำหรับการใช้งานในปริมาณมาก
เครื่องอบผ้า ให้ผ้าแห้งไว
ในปัจจุบันร้านรับซักอบรีดนิยมใช้เครื่องอบผ้าแทนการตากผ้าให้แห้งด้วยแสงแดด เนื่องจากช่วยประหยัดเวลาและถนอมผ้าได้ดีกว่า โดยเครื่องอบผ้ามีหลายขนาด ได้แก่
- เครื่องอบผ้าขนาด 6 กิโลกรัม สามารถอบผ้าเนื้อหนาได้ประมาณ 10 ชิ้น และผ้าเนื้อบางได้ประมาณ 20 ชิ้น
- เครื่องอบผ้าอุตสาหกรรมเหมาะสำหรับการใช้งานในปริมาณมาก
เตารีด ให้ผ้าเรียบ
เตารีดมี 2 แบบ คือ เตารีดแห้งและเตารีดไอน้ำ โดยส่วนใหญ่จะเลือกใช้เตารีดไอน้ำ เนื่องจากช่วยถนอมผ้าและป้องกันไม่ให้ผ้าติดเตารีดขณะรีด เมื่อเลือกซื้อเตารีด สำหรับร้านรับซักผ้าควรเลือกขนาดที่เหมาะกับการจับถนัดมือและน้ำหนักไม่มากเกินไป เพื่อหลีกเลี่ยงความเมื่อยล้าขณะรีดผ้า
ผงซักฟอก ขจัดคราบให้ผ้าสะอาด
ผงซักฟอกมี 2 ชนิด คือผงซักฟอกสำหรับเครื่องซักผ้าแบบฝาหน้าและผงซักฟอกสำหรับเครื่องซักผ้าแบบฝาบน สำหรับบริการซักผ้าควรเลือกใช้ผงซักฟอกให้เหมาะสมกับเครื่องซักผ้าที่ใช้ในร้าน และเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพดี เช่น ผงซักฟอกสูตรถนอมเส้นใยผ้า หรือสูตรขจัดคราบฝังลึก ให้การซักเสื้อผ้าสะอาดและไม่ทำให้ผ้าเสื่อมสภาพ เพื่อสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้า
น้ำยาปรับผ้านุ่ม ทำให้ผ้านุ่ม มีกลิ่นหอม
บริการซักผ้าที่ดีควรใช้น้ำยาปรับผ้านุ่มทุกครั้ง เพื่อช่วยให้ผ้าหอม นุ่มฟู และถนอมใยผ้า โดยทั่วไปจะนิยมใช้สูตรถนอมใยผ้าหรือสูตรปรับผ้าให้นุ่มฟูและมีกลิ่นหอม เพื่อเพิ่มความพึงพอใจให้กับลูกค้า และช่วยยืดอายุการใช้งานของเสื้อผ้า
น้ำยารีดผ้า ช่วยให้ผ้ารีดง่าย
น้ำยารีดผ้า เป็นเคมีภัณฑ์ที่ทุกร้านรับซักรีดควรใช้ เนื่องจากช่วยประหยัดเวลาในการรีดผ้าและทำให้การรีดผ้าง่ายขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยให้ผ้าที่รีดมีความเรียบและน่าสวมใส่มากยิ่งขึ้น เพิ่มคุณภาพการบริการให้กับลูกค้าและช่วยลดเวลาในการทำงานได้
น้ำหอมปรับกลิ่น ให้ผ้าสดชื่น
น้ำหอมปรับกลิ่นเป็นสิ่งสำคัญที่ร้านให้บริการซักผ้าควรมีไว้ใช้ โดยสามารถฉีดพรมลงบนผ้าที่ต้องการเพื่อสร้างบรรยากาศที่สดชื่น เช่น เสื้อผ้า ผ้าเช็ดตัว หรือผ้าห่ม เพื่อเพิ่มความหอมและทำให้ลูกค้ารู้สึกดีเมื่อหยิบใช้ผ้า

ขั้นตอนของบริการซักผ้า รีดผ้า
โดยส่วนใหญ่ ร้านรับซักอบรีดจะมีขั้นตอนในการให้บริการที่เป็นระเบียบ เพื่อให้ลูกค้าได้รับการบริการที่สะดวกและมีคุณภาพ ดังต่อไปนี้
1. รับเสื้อผ้ามาจากลูกค้า
การรับเสื้อผ้าจากลูกค้า ร้านรับซักรีดควรแยกเสื้อผ้าให้ชัดเจนโดยการใช้สัญลักษณ์ เช่น การติดรหัสลูกค้า หรือใช้ผ้ากาวเขียนชื่อหรือรหัส เพื่อหลีกเลี่ยงการปะปนของเสื้อผ้าและทำให้การจัดการสะดวก โดยติดไว้ในตำแหน่งที่ไม่รบกวนลูกค้า เช่น หลังปกคอเสื้อหรือสาบเสื้อ
นอกจากนี้ ควรมีใบรับเสื้อผ้าเพื่อสร้างความมั่นใจให้ลูกค้า โดยระบุประเภทและจำนวนผ้าที่นำไปซัก เช่น เสื้อ กางเกง หรือกระโปรง พร้อมกับราคาที่ชัดเจน หากคิดตามชิ้นหรือกิโลกรัม ควรชั่งและคำนวณทันที ใบรับเสื้อควรเก็บ 1 ใบให้ลูกค้า 1 ใบติดที่ห่อผ้า และเก็บไว้เป็นหลักฐานเพื่อความสะดวกในการตรวจสอบและส่งคืนผ้าให้ลูกค้าอย่างถูกต้อง
2. จัดการคัดแยกผ้า
ก่อนเริ่มบริการซักผ้าควรตรวจสอบสภาพเสื้อผ้าให้เรียบร้อย เพื่อตรวจหาคราบหรือสิ่งสกปรกที่ต้องการการดูแลพิเศษ ก่อนจะทำการแยกผ้าออกตามสีและประเภท
- กระโปรง-กางเกง แยกเสื้อผ้าตามประเภท เช่น เสื้อ กางเกงชาย กางเกงผู้หญิง และกระโปรง เพื่อการซักที่เหมาะสม
- ผ้าขาว แยกผ้าขาวออกมาซักช่วยให้ผ้าขาวสดใส และไม่ให้สิ่งสกปรกติดกลับไปยังผ้าอื่นๆ ควรแยกผ้าตามระดับความสกปรก และใช้ผลิตภัณฑ์ช่วยขจัดคราบเฉพาะจุด
- ผ้าสีสดใส ซักผ้าสีควรใช้เวลาน้อยเพื่อรักษาความสดใสของสี โดยใช้วิธีการซักที่เหมาะสมและเลือกผลิตภัณฑ์ซักผ้าสำหรับผ้าสีเพื่อป้องกันการซีดจาง
- ผ้าสีเข้ม แยกซักผ้าสีเข้มช่วยป้องกันไม่ให้สีตกไปยังผ้าขาวหรือผ้าสีสด และควรซักผ้าสีเข้มให้นานกว่าผ้าสีสดเพื่อขจัดความสกปรกออกให้หมด
- ผ้าสีตก การคัดแยกผ้าที่สีตกเป็นสิ่งสำคัญมาก เพื่อป้องกันไม่ให้สีตกไปติดผ้าอื่นๆ ซึ่งอาจทำให้เกิดความเสียหายกับผ้าชิ้นอื่นที่ซักรวมกัน
- ผ้าสกปรกมาก การแยกซักและซักนานช่วยให้สิ่งสกปรกออกได้ดีที่สุด บางครั้งอาจต้องซักถึง 2 รอบ ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของเจ้าของร้านและความต้องการของลูกค้า
- ผ้านวม ผ้านวมควรแยกซักเนื่องจากอมน้ำมาก และต้องใช้เครื่องที่มีขนาดใหญ่ในการซัก
- ผ้าที่ต้องใส่ใจพิเศษ ผ้าที่ต้องใช้บริการซักแห้ง เช่น ผ้าไหม ผ้าขนสัตว์ ผ้าแพร และผ้าใยสังเคราะห์ เพราะผ้าพวกนี้ต้องการการดูแลพิเศษ และไม่สามารถซักด้วยน้ำได้
3. การซักผ้า
เริ่มจากเปิดน้ำใส่เครื่องซักผ้า ใส่ผงซักฟอก และใส่ผ้าให้พอดีกับความจุของเครื่อง จากนั้นกดปุ่มเริ่มทำงานตามระบบของเครื่อง โดยปกติแล้วเครื่องจะซักผ้าด้วยผงซักฟอก 1 รอบ และล้างด้วยน้ำธรรมดา 2 รอบ เมื่อเสร็จรอบสุดท้าย ให้ใส่น้ำยาปรับผ้านุ่ม จากนั้นจึงเริ่มซักผ้าสี
4. การทำให้ผ้าแห้ง
เมื่อซักผ้าเสร็จแล้วควรตากผ้าให้หมาดก่อนนำเข้าเครื่องอบผ้า เพื่อช่วยยืดอายุการใช้งานของเครื่องอบผ้า จากนั้นแยกผ้าขาว-ผ้าสี และประเภทของเนื้อผ้าออกจากกัน เพราะผ้าแต่ละประเภทใช้เวลาในการอบต่างกัน หากร้านซักอบรีดไม่มีเครื่องอบผ้า สามารถใช้วิธีการตากผ้าให้แห้งด้วยลมและแสงแดดได้
5. การรีดผ้า
ร้านรับซักรีดผ้าควรทำการวิเคราะห์เนื้อผ้าของเสื้อผ้าแต่ละชิ้น และเลือกวิธีการรีดที่เหมาะสมกับประเภทของผ้า เพื่อให้ผ้าไม่เสียหายและได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด การเลือกใช้ความร้อนที่เหมาะสมกับแต่ละชนิดผ้า เช่น
- ผ้าใยสังเคราะห์ (อะคริลิก ไนลอน) ใช้ความร้อนต่ำ (110-120°C) ควรรีดด้านในของผ้า หลีกเลี่ยงการรีดนานเกินไปในจุดเดียว
- ผ้าไหม ใช้ความร้อนปานกลาง (130-140°C) ควรรีดขณะผ้ายังหมาดๆ รีดด้านในเพื่อป้องกันผ้าเป็นมัน
- ผ้าขนสัตว์ ใช้ความร้อนปานกลาง (140-150°C) ใช้ผ้ารองรีดช่วย รีดในขณะที่ผ้ายังชื้นเล็กน้อย
- ผ้าฝ้าย ใช้ความร้อนสูง (180-200°C) สามารถใช้ไอน้ำช่วยได้ เหมาะกับการรีดขณะผ้าหมาดๆ
- ผ้าลินิน ใช้ความร้อนสูงที่สุด (200-230°C) ควรรีดขณะผ้ายังชื้น สามารถใช้ไอน้ำช่วยได้
6. การส่งเสื้อผ้าคืนลูกค้า
เมื่อแยกเสื้อผ้าตามลูกค้าแล้วควรตรวจนับให้ตรงกับใบรับเสื้อ และให้ลูกค้าเซ็นรับเสื้อผ้าให้ครบถ้วน หากมีการรับเงินต้องมอบใบเสร็จให้ลูกค้า การจัดตารางการส่งมอบอย่างมีระบบจะช่วยให้บริการตรงเวลาและมีคุณภาพ
การส่งมอบเสื้อผ้าคืนให้ลูกค้าควรใช้ไม้แขวนเสื้อหรือถุงพลาสติกเพื่อให้เสื้อผ้าเรียบและสะอาด บางครั้งอาจคิดค่าไม้แขวนเสื้อเพิ่มเติม หรือใช้แถบกระดาษที่มีโลโก้ของแบรนด์เพื่อแสดงถึงคุณภาพและสร้างการบริการที่มีเอกลักษณ์ เป็นวิธีที่เหมาะสำหรับธุรกิจที่ต้องการบริการซักผ้าแบบพรีเมียมหรือแฟรนไชส์

สรุป
บริการรับผ้ามาซัก อบ รีด และส่งคืนเป็นที่ต้องการสำหรับคนที่ไม่มีเวลาหรือไม่สะดวกทำเอง สำหรับผู้ที่สนใจเริ่มธุรกิจบริการรับส่งผ้าไปซัก สามารถซื้อเครื่องซักผ้าสำหรับธุรกิจร้านสะดวกซักจาก Straits Laundry ซึ่งมีทั้งเครื่องซักผ้าและเครื่องอบผ้า พร้อมบริการดูแลซักอบผ้าให้กับลูกค้า หรือธุรกิจร้านสะดวกซักที่มีอยู่แล้วก็สามารถเพิ่มบริการเสริมนี้ได้เช่นกัน